ในแถลงการณ์ดังกล่าวของ JBC อ้างถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ซึ่งรวมถึงการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนกัมพูชา โดยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม กองทัพไทยได้ติดตั้งลวดหนาม ตาข่าย สิ่งกีดขวาง และยางรถยนต์ตามแนวชายแดนระหว่างด่านตรวจชายแดนหมายเลข 46 ถึง 47 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของหมู่บ้านจุ๊กเจย ตำบลอูเป่ยฉวน จังหวัดบันเตีย เมียนเจย

วันที่ 13 สิงหาคม ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่คล้ายกันระหว่างด่านชายแดนหมายเลข 42 และ 43 ในหมู่บ้านเปรยจันที่อยู่ใกล้เคียง

ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม กองทัพไทยได้พยายามดำเนินกิจกรรมเดียวกันนี้ใกล้กับด่านชายแดนบึงตระกวน ในหมู่บ้านบันเตีย เมียนริธ และหมู่บ้านถนอลแรก ตำบลกกรมเอียด อำเภอทมาร์ปวก อย่างไรก็ตาม ความพยายามดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง เมื่อพลเรือนและกองกำลังความมั่นคงของกัมพูชา รวมถึงผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมต่างชาติ เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ทำให้กองกำลังไทยต้องล่าถอย

ความพยายามฝ่ายเดียวของกองทัพไทยในการยึดครองดินแดนโดยการติดตั้งลวดหนาม สิ่งกีดขวาง และการวางยางรถยนต์ตามแนวเขตแดนดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดเจตนารมณ์ของบันทึกความเข้าใจ (MoU) ปี 2000 และกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการล่วงละเมิดอำนาจของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และบั่นทอนผลลัพธ์ของความพยายามในการเจรจาที่ผ่านมา รวมถึงการเจรจาทวิภาคีที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างสองประเทศ

คณะกรรมาธิการ JBC ของกัมพูชา แถลงอีกว่าขอประท้วงอย่างรุนแรงอีกครั้งต่อการละเมิดของกองทัพไทย และเรียกร้องให้มีการรื้อถอนลวดหนาม ตาข่าย และยางรถยนต์ทั้งหมดออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยทันที พร้อมเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดเขตแดนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตตามแนวชายแดนของสองประเทศ